Is it wise to choose an optical shop claiming to be “Number 1 or “the best” ?
เลือกสถานบริการด้านสายตา : มากกว่าแค่คำว่า “อันดับ 1”
ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่กำลังประสบปัญหาด้านสายตาและการมองเห็น และกำลังพิจารณาเลือกสถานบริการด้านสายตาที่มีคุณภาพ อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอาจตรวจจับความสนใจของท่าน และนำเสนอข้อความโฆษณาที่คุ้นเคย เช่น “ร้านแว่นตาอันดับ 1 ในจังหวัด…..” หรือ “ร้านแว่นตาที่ดี๊ดีที่สุดในโลก”
คำถามคือ ในฐานะผู้บริโภค ท่านมีความเชื่อมั่นต่อข้อความเหล่านี้มากน้อยเพียงใด? คำตอบอาจแตกต่างกันไปตามทัศนคติและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่มีผิดหรือถูก
ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการด้านสายตา ผมมีความเห็นส่วนตัวที่อยากนำเสนอว่า การโฆษณาที่อ้างว่าเป็น “ร้านแว่นตาอันดับ 1” นั้น สมควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบจากหลายประเด็นสำคัญ ดังนี้
ประเด็นที่ควรพิจารณาเมื่อเห็นคำว่า “อันดับ 1”
* แหล่งที่มาและเกณฑ์การจัดอันดับ : การอ้างอิงอันดับหนึ่งโดยปราศจากการระบุแหล่งที่มาหรือเกณฑ์การจัดอันดับที่ชัดเจน เช่น จัดอันดับโดยหน่วยงานใด เกณฑ์การประเมินคืออะไร หรือเป็นการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างขนาดใด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อสังเกตที่ผู้บริโภคควรตั้งคำถาม
* การประเมินอย่างสมเหตุสมผล: แทนที่จะตัดสินใจจากคำว่า “อันดับ 1” เพียงอย่างเดียว ผู้บริโภคควรมองหาปัจจัยอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงคุณภาพและบริการที่แท้จริง เช่น:
* ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ : ช่างแว่นตา/ทัศนมาตร/จักษุแพทย์ หรือผู้ให้บริการมีความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์มากน้อยเพียงใด
* ความหลากหลายและคุณภาพของสินค้า : มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ตรงกับความต้องการหรือไม่ และคุณภาพของเลนส์ กรอบแว่นตา ได้มาตรฐานหรือไม่
* บริการหลังการขายและการรับประกัน : มีการดูแลหลังการขายที่ดี มีการรับประกันสินค้าและบริการที่ชัดเจนหรือไม่
* ความคิดเห็นและประสบการณ์ของลูกค้าจริง : รีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการจริงเป็นสิ่งสำคัญ ควรพิจารณาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และระวังรีวิวที่อาจถูกสร้างขึ้นมา
* ความสะดวกในการเข้าถึงบริการ : สถานที่ตั้ง การเดินทาง หรือช่องทางการติดต่อ สะดวกสบายต่อท่านหรือไม่
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
การเลือกสถานบริการด้านสายตา จึงควรเน้นที่การเปรียบเทียบจากหลากหลายแหล่ง การทดลองใช้บริการจริง และพิจารณาความเหมาะสมกับความต้องการส่วนบุคคลของท่านเป็นสำคัญ มากกว่าการตัดสินใจจากการอ้างอิง “อันดับ 1″ เพียงประการเดียว
ทั้งนี้ การโฆษณาประเภทนี้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่พบได้ทั่วไป ผู้บริโภคจึงควรใช้ดุลยพินิจและข้อมูลที่หลากหลายในการประกอบการตัดสินใจ
การประเมินโฆษณา “ร้านแว่นอันดับ 1” ในบริบทสังคมไทย
เพื่อทำความเข้าใจมุมมองของการโฆษณาประเภทนี้ในสังคมไทย เราสามารถพิจารณาได้จากหลายมิติ :
* ในมุมมองกฎหมายและการคุ้มครองผู้บริโภค:
การโฆษณาในประเทศไทยอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22 ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมส่วนรวม”
.
การอ้างอิงว่าเป็น “อันดับ 1” โดยไม่มีหลักฐานหรือแหล่งที่มาชัดเจน อาจเข้าข่ายการโฆษณาที่ทำให้เข้าใจผิด ตามมาตรา 22 (2) ซึ่งบัญญัติว่า “ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะกระทำโดยใช้หรืออ้างอิงรายงานทางวิชาการ สถิติ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันไม่เป็นความจริงหรือเกินความจริง หรือไม่ก็ตาม”
หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นความจริง อาจถือเป็นความผิดตามมาตรา 47 ซึ่งมีบทกำหนดโทษสำหรับผู้ที่โฆษณาไว้ว่า “ด้วยการเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะกระทำโดยใช้ หรืออ้างอิงรายงานทางวิชาการ สถิติ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันไม่เป็นความจริงหรือเกินความจริง หรือไม่ก็ตาม” ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากกระทำผิดซ้ำอีก โทษก็จะสูงขึ้น
* ในมุมวัฒนธรรมความเชื่อในสังคมไทย :
คนไทยมักให้ความสำคัญกับการเป็น “อันดับหนึ่ง” หรือ “ดีที่สุด” ซึ่งอาจมีที่มาจากระบบการศึกษาที่เน้นการแข่งขันและจัดอันดับ ความเชื่อนี้ส่งผลให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเลือกสินค้าหรือบริการที่อ้างว่าเป็น “อันดับหนึ่ง” โดยไม่ค่อยตั้งคำถามถึงเกณฑ์การจัดอันดับมากนัก ประกอบกับความเชื่อใจในสื่อดิจิทัล โดยเฉพาะข้อมูลที่ปรากฏในรูปแบบที่ดูเป็นทางการบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเชื่อว่าข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือ
* ในมุมจิตวิทยาผู้บริโภคไทย :
* ความกลัวตกกระแสนิยม : ผู้บริโภคไทยมักกังวลว่าจะไม่ทันสมัยหรือไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุด การโฆษณาแบบ “อันดับ 1” จึงตอบสนองความต้องการด้านความมั่นใจในการตัดสินใจนี้
* ความเชื่อถือผู้ที่มีอำนาจ : วัฒนธรรมไทยให้ความเคารพกับผู้มีอำนาจหรือผู้เชี่ยวชาญ การอ้างอิงอันดับ (แม้ไม่ระบุแหล่งที่มา) จึงอาจทำให้ดูเหมือนมีหน่วยงานที่น่าเชื่อถือรองรับ
* ผลกระทบต่อสังคม :
* ด้านบวก : อาจส่งเสริมการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการ และกระตุ้นให้ธุรกิจพัฒนาคุณภาพเพื่อให้เหมาะสมกับการกล่าวอ้าง
* ด้านลบ : สร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้บริโภค ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และอาจลดความไว้วางใจในระบบการตลาดโดยรวม
แนวทางการประเมินสำหรับผู้บริโภค
สิ่งที่ผู้บริโภคควรตั้งคำถามและสงสัย :
* ที่โฆษณาว่า “อันดับ 1” ตามเกณฑ์ใด? (เช่น ยอดขาย, ความพึงพอใจ, จำนวนสาขา)
* จัดอันดับโดยใคร? (หน่วยงานใด, ใช้วิธีการสำรวจอย่างไร)
* มีหลักฐานหรือใบรับรองเพื่อยืนยันหรือไม่?
* เปรียบเทียบกับเกณฑ์อื่น ๆ เช่น อายุธุรกิจ, ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ, หรือการบริการลูกค้า
สิ่งสำคัญคือการตัดสินใจอย่างรอบคอบ :
* อาจพิจารณาทดลองใช้บริการด้วยตนเอง
* สอบถามความคิดเห็นจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการ
* เปรียบเทียบราคาและคุณภาพจากแหล่งอ้างอิงหลายๆที่
* ตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพหรือการรับรองที่เกี่ยวข้อง
ข้อเสนอแนะสำหรับสังคมไทย
* การรู้เท่าทันสื่อโซเชียลมีเดีย : ผู้บริโภคยุคใหม่ควรพัฒนาการรู้เท่าทันสื่อ เพื่อให้สามารถแยกแยะข้อมูลที่เป็นจริงจากการโฆษณาที่อาจเกินจริง
* บทบาทของหน่วยงานที่รับผิดชอบ : สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ควรมีการติดตามและดำเนินการกับการโฆษณาที่อาจเกินจริงอย่างต่อเนื่อง
* ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ: ผู้ประกอบการควรโฆษณาอย่างตรงไปตรงมา ระบุข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ และเน้นจุดเด่นที่แท้จริงของธุรกิจมากกว่าการอ้างอิงที่ไม่ชัดเจน
สรุป
การโฆษณาแบบ “อันดับ 1” ในสังคมไทยมีความซับซ้อนทั้งในด้านกฎหมาย วัฒนธรรม และจิตวิทยา ผู้บริโภคจึงควรมีวิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลและไม่ตัดสินใจจากการอ้างอิงเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกัน สังคมก็ควรส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีในการโฆษณาและคุ้มครองผู้บริโภคอย่างยั่งยืน

Independent Optometrist
DR.Chatchawee Kittipongwiwat ,O.D.,BS.(RT)