การแก้ปัญหามองภาพไม่ชัด จากตาเหล่ซ่อนเร้นในแนวดิ่ง (Vertical phoria) ด้วยเลนส์ปริซึม
คุณ V.V เพศชายอายุ 39 ปี มีอาชีพเป็นนักวิจัยในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง มาด้วยอาการมองไกลภาพเบลอเป็นมา 6 เดือน เป็นตลอดเวลา ส่วนที่ระยะใกล้พออ่านได้ แต่รู้สึกไม่ค่อยชัดเป็นมา 6 เดือนเช่นกัน จากแว่นเดิมที่ใช้มา 4 ปี ไม่มีประวัติการใช้คอนแทคเลนส์ ไม่เคยมีอุบัติเหตุ หรือ ผ่าตัด บริเวณดวงตามาก่อน ไม่ได้มีอาการปวดหัว หรือ เห็นภาพซ้อน* เป็นโรคภูมิแพ้ จะทานยาเมื่อมีอาการเท่านั้น การใช้สายตา ใช้ PC 12 ชั่วโมงต่อวัน อ่านเอกสาร และใช้มือถือติดต่องานทางไลน์
VAแว่นเดิมที่ใช้อยู่
R 20/25@6m. 20/20@40cm.
L.20/20@6m. 20/20@40cm.
with R. -5.75-0.25×100 L. -6.25
Keratometry
R.42.81/43.97@80 (WTR)
L.42.97/43.29@105 (WTR)
Retinoscopy
R. -5.00-0.25×90
L. -6.25
SRX
R.-5.25-0.75×105 (20/20)
L.-6.25 (20/20)
Phorometry
Binocular Crossed Cylinder Add at 40 cm. : +0.25 D.
NRA/PRA rely on BCC : +1.75/-1.75
Horz Phoria@6m. : Norm
Vert Phoria@6m. 3 Prism Base Down Left Hyper
BD-res 3/1 R และ BU-res 5/3 R
Horz Phoria@40cm. : Norm
Vert Phoria@40cm. 3 Prism Base Down Left Hyper
BD-res 4/2 R BU-res 6/4 R
Ac/A = 3:1 , Maddox rod : 2 BDOS
Associate Phoria** : 2 Prism Base Down Left Hyper
Horz phoria : 0
Ocularhealth : Normal OU
IOP R : 16.6 mmHg L :16.5 mmHg
BVA ontrial Lens
R. -5.25 -0.75×105 with 1 Prism Base up (20/20)
L. -6.25 with 1 Prism Base Down (20/20)
Assessment
1. R. Compound myopic Astigmatism / L. Myopia
2. Vertical Phoria Left Hyper 3 Prism Base Down
Treatment Plan
1. Rx Full Correction
R. -5.25 -0.75×105 with split prism 1 Prism BaseUp
L.-6.25 with split 1 Prism BaseDown
2.Lens Design : Multigressiv Mono2 1.60 Solitare Protect Plus2
3.Patient Education
แนะนำให้คุณ V.V ใส่แว่นใหม่ตลอด 10 วัน และงดแว่นเดิม

ค่าสายตาและปริมาณปริซึมที่ สั่งผ่านโปรแกรม Winfit
Disscussion
1. ค่าสายตาข้างขวาเปลี่ยนแปลง จากแว่นเดิมเล็กน้อย เดิม
VA 20/25 Correct ค่าสายตาใหม่ได้ 20/20 และข้างซ้ายไม่เปลี่ยนแปลง (ที่ดูไกล)
2. ระบบการเพ่งและการทำงานร่วมกันของสองตา
เคสนี้ถ้าพิจารณาจากที่คนไข้เข้ามาปรึกษา ว่าดูไกลใกล้นั้นไม่ชัด ซึ่งวิเคราะห์แล้วนั้นเกิดจาก HyperPhoria ที่มีทั้งหมด 3 Prism Base Down ตาซ้าย หรือตาเหล่ซ่อนเร้นในแนวดิ่ง แต่ปริมาณทั้งหมดนั้นเราเรียกว่า Dissociated Phoria เปรียบเสมือนปริมาณข้าวที่ร่างกายต้องการรับประทาน 2 จาน แต่ Associated Phoria คือปริมาณตาเหล่ซ่อนเร้นที่ร่างกายชดเชยได้แล้วขาดอีกเท่าไหร่ หรือเปรียบดั่งร่างกายต้องการข้าว 2 จาน แต่ทาน 1 จานก็อิ่ม และพอสบายตัว ไม่แน่นอึดอัดมากไป ผมจึงพิจารณาจ่าย 2 Prism Left Base Down
สิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องนี้ทีทำให้คนไข้มองภาพได้ไม่ชัด แม้ค่าสายตาใหม่ จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนักเพราะเมื่อผมเลือก Correct Split Prism 1 Base Up ตาขวา และ 1 Base Down ตาซ้ายบนค่าสายตาใหม่ คุณ V.V เห็นภาพดูไกล และดูใกล้ที่คมชัด และ สบายตา ส่วนเรื่องสายตาตามวัย นั้น คนไข้อายุ 39 ปี อาจมีโอกาสเข้าสู่ภาวะนี้ได้ แต่ค่าการตรวจ NRA/PRA และ BCC นั้น อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงยังไม่ต้องจัดการอะไร แค่ correct single vision ก็เพียงพอแล้ว
ซึ่งในเรื่อง Vertical Phoria นั้น คนไข้ในบางรายอาจจะเห็นภาพซ้อนได้เลย ถ้ามีปริมาณ ปริซึมที่มากพอสมควร แต่ในรายของคุณ V.V นั้นเขาเคลมว่าภาพที่เห็นนั้นไม่ชัด เป็นเงาๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะปริมาณปริซึม 2 นั้นไม่มากนัก แต่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนไข้
3. เนื่องจากสายตาเอียงในแนว Against the Rule (61-119 องศา) ในตาขวา องศาเปลี่ยนไป 5 องศา และกำลังสายตาเอียงเพิ่มขึ้นแต่สายตาสั้นนั้นลดลง ร่วมกับการใส่เลนส์ปริมาณปริซึมที่ใส่เข้าไป ในเลนส์ค่าสายตานี้ อาจมีผลต่อการปรับตัว โดยผมพยากรณ์ไว้อยู่ที่ประมาณ 10 วัน แต่เรื่องที่น่าสนใจคือ วันส่งมอบแว่น คุณ V.V เมื่อแรกสวมแว่นใหม่อันนี้ เห็นภาพได้ชัดทั้งไกล และใกล้ สบายตา ไม่ได้รู้สึกว่าต้องปรับสายตาอะไร ในเรื่องนี้ต้องยกเครดิต ให้กับเทคโนโลยีเลนส์ของ บริษัท Rodenstock เช่นเดิม ซึ่งรุ่น Multigressiv Mono2 นั้นเข้ามาจัดการกับปัญหาสายตาของคนไข้รายนี้ได้หมดจดจริงๆ
สรุป
นอกจากเรื่องสายตาแล้วนั้น อาจมีเรื่องอื่นที่ส่งผลต่อระบบการมองเห็น ดังเช่นเคสคุณ V.V นั้นมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งหมดไม่ว่าตั้งแต่เรื่องค่าสายตาที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาการทำงานร่วมกันสองตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข หรือโรคตาอื่นๆ ที่ต้องค่อยๆ คิด วิเคราะห์ และพิจารณา เป็นรายเคสไป เพราะ ในดวงตาแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันเฉพาะบุคคล
สำหรับวันนี้คงไว้เท่านี้ ขอบคุณ และสวัสดีครับ
Chatchawee,O.D,BS.(RT)
