การแก้ปัญหาดูใกล้ได้ไม่นานจากตาเหล่เข้าซ่อนเร้น (esophoria) ในวัยรุ่น ด้วยเลนส์ปริซึม

กรณีศึกษา เป็นเคสคุณ P เพศหญิง อายุ 22 ปี มาด้วยอาการอ่านหนังสือได้ไม่นาน 10 นาที เริ่มมีอาการปวดศีรษะ ต้องพักสายตานานๆกว่าจะกลับมาอ่านได้อีกครั้ง เป็นมา 1 ปี มองไกลชัดปกติ แต่ถ้าอ่านหนังสือมากกว่า 10 นาทีจะเริ่มมัว เห็นภาพซ้อน

ประวัติสุขภาพตา
– ใช้คอนแทคเลนส์รายเดือน R -1.00 L -1.25 ใส่นานๆครั้งเพราะดูใกล้ไม่สบายตา
– แว่นเดิม R -0.50 L -0.50-0.25×125 ใช้มา 1 ปี
– ไม่เคยผ่าตัด หรือได้รับอุบัติเหตุที่ดวงตามาก่อน
– สุขภาพแข็งแรง ไม่มียาที่ต้องทานเป็นประจำ
+ HA : มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ เวลาอ่านหนังสือ เป็นมา 1 ปี ปวดหน้าผากและขมับ จะปวดอยู่ 5-10 นาที ถ้าพักสายตาจะดีขึ้น ให้คะแนนการปวดที่ 5 คะแนน
 
ประวัติการใช้งานสายตา
เป็นนักศึกษา ใช้สายตาดู โน้ตบุ๊ค วันละ 3 ชั่วโมงต่อวัน อ่านหนังสือ มือถือ Ipad รวมๆ วันละ 5 ชั่วโมงต่อวัน อย่างไรก็ตาม แม้จะอ่านต่อครั้งได้ไม่นาน ในวันหนึ่งๆก็ต้องอ่านหนังสือให้ได้มากที่สุด
 
PreliminaryExam
PD : R. 28.5 L 28.5
VA ( เมื่อใส่แว่นเดิม ) @ 6 m.
R.20/30 L. 20/30
VA (เมื่อใส่แว่นเดิม) @ 40 cm.
R. 20/20 L.20/20
 
Cover test ; Normal
Alternate Covertest
Esophoria @Far , Esophoria @Near
Visual field : full/full w/confrontation test
APD negative
 
Refraction
Retinoscope
R. -1.00 VA 20/20
L. -1.25 VA 20/20

Mono Subjective
R. -1.00 VA 20/20
L. -1.25 VA 20/20

BVA
R.-0.75 VA 20/20
L.-1.25 VA 20/20
BCC : 0 , NRA/PRA : +1.75/-3.25

 

Functional;Vergence & Accomodation
Test @ 6 m.
Associate phoria : 6 Prism Base out
Horz. Phoria 7 prism Base out
BI- vergence : 5/9/5
Vert.phoria : 0
Test @ 40 cm.
Horz phoria : 6 prism Base out
BI- vergence : 4/20/11
Vert. phoria : 0
Ac/A ratio = 4:1
Maddox rod handheld w/correction : 9.5 prism Base out @ 6 m.
 
OcularHealth : normal
 
Assessment
1. Myopia
2. Basic Esophoria
3. สุขภาพตาปกติ
 
Plan
Full correction with split prism
R. -0.75 with 3 Prism Base out
L. -1.25 with 3 Prism Base out
 
วิเคราะห์เคส
ค่าสายตา ไม่ได้ซับซ้อนอะไร มีค่าสายตาสั้นที่ไม่มีเอียงทั้งสองข้าง แต่ที่ต้องแก้ปัญหาจริงๆคือ Binocular function
1. มีตาเหล่เข้าซ่อนเร้น (Esophoria) ที่ระยะ 6 เมตร อยู่ 7 Prism Base out ค่ากำลังสำรอง BI-reserve หรือ negative fusional vergence มีค่า 5/9/5 ซึ่งสภาวะ Accomodate ที่ระยะ 6 เมตรจะ relax ไม่ควรมีภาพเบลอ เมื่อใส่ ปริซึม Base In ซึ่งจากการตรวจนั้น เมื่อใส่ค่า 5 BI แล้วมีภาพเบลอแสดงว่าค่าสายตาอาจจะ Overminus หรือสั้นที่มากเกินจริง ดังนั้นผมจึงรีเชค ด้วยการ ส่องเรติโน ทับค่าสายตาใหม่บน trial lens ปรากฎว่าแสง neutral จึงคาดว่าค่าที่ตรวจได้ 5 BI แล้วภาพเบลอนั้นเป็น false positive
 
2. ที่ระยะดูใกล้ 40 cm. มีภาวะเหล่เข้าซ่อนเร้นอยู่ 6 Prism Base out และมี BI-reserve 4/20/11
ส่วนระบบ Accomodation นั้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ NRA : +1.75 PRA :-3.25 BCC: 0 AC/A = 4:1
ค่า PRA ที่สูงนั้น เนื่องจากวัยรุ่น มี amplitude of Accomodation ที่ดี ดังนั้นค่าอาจจะสูงได้
 
3. คนไข้มีภาวะตาเหล่เข้าซ่อนเร้น (Esophoria) ที่ไกลและใกล้ ค่าใกล้เคียงกัน และมีกำลังสำรอง (BI-reserve) น้อยกว่า 2 เท่าของ Demand (ปริมาณ Phoria) เมื่อประเมินค่า Ac/A ที่ปกติ สรุปว่าเคสนี้เป็น Basic esophora ต้องใช้เลนส์ค่าสายตาร่วมกับค่าปริซึม เพื่อช่วยให้ระบบการทำงานร่วมกันของสองตาที่สมดุล โดยพิจารณาร่วมกับค่า Associate Phoria 6 Prism Base out (ปริมาณPhoria ที่ร่างกายชดเชยเองได้ ) และดูใกล้ 6 Prism Base out จึงพิจารณาจ่ายเป็น single vision with split prism ข้างละ 3 Prism Base out
 
สรุป
ภายหลังคุณ P รับแว่น และปรับตัว 1 สัปดาห์ สามารถใช้งานสายตาได้ตามปกติ อ่านหนังสือดูใกล้ได้นานขึ้น
ดังนั้นการซักประวัติ และการตรวจวินิจฉัยให้ได้พบปัญหาที่แท้จริง และ แก้ไขปัญหาให้คนไข้ได้นั้น เป็นหัวใจหลักในการทำงานของทัศนมาตร
สำหรับวันนี้คงจบเพียงเท่านี้ ไว้โอกาสหน้า ถ้ามีเคสที่น่าสนใจจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งครับ
ขอบคุณ และ สวัสดีครับ
 
 
Content by CHATCHAWEE ,O.D. , BS. (RT)